Loose furniture คืออะไร?
Loose furniture หรือเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว คือเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ ไม่ได้ติดตั้งถาวรกับโครงสร้างของบ้าน ตัวอย่างเช่น โซฟา เก้าอี้ โต๊ะ ตู้ เตียง โคมไฟตั้งพื้น ชั้นวางหนังสือแบบเคลื่อนย้ายได้ เป็นต้น
ข้อดีของ Loose furniture
- ความยืดหยุ่นสูง: สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามต้องการ ทำให้คุณสามารถจัดวางห้องใหม่ได้บ่อยครั้งตามความต้องการหรือตามฤดูกาล เช่น ในช่วงหน้าร้อนคุณอาจต้องการย้ายโซฟาให้ใกล้กับหน้าต่างมากขึ้นเพื่อรับลม หรือในช่วงเทศกาลคุณสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ใหม่เพื่อรองรับการจัดงานเลี้ยง
- หลากหลายรูปแบบ: มีให้เลือกมากมายตามสไตล์ที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์โมเดิร์น วินเทจ มินิมอล หรือคลาสสิก คุณสามารถเลือกชิ้นที่ถูกใจได้จากร้านเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป หรือสั่งทำตามความต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถผสมผสานสไตล์ต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
- สะดวกในการย้ายบ้าน: นำติดตัวไปได้เมื่อต้องย้ายที่อยู่ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการทิ้งเฟอร์นิเจอร์ที่มีราคาแพงไว้ที่บ้านหลังเก่า หรือต้องซื้อใหม่ทั้งหมดเมื่อย้ายบ้าน ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง: สามารถเปลี่ยนชิ้นใหม่ได้ตามต้องการ หากคุณเบื่อกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดิม หรือต้องการอัพเดทสไตล์การตกแต่งบ้าน คุณสามารถเปลี่ยนเฉพาะชิ้นที่ต้องการได้โดยไม่ต้องรื้อทั้งห้อง ทำให้การรีโนเวทบ้านทำได้ง่ายและประหยัดกว่า
ข้อเสียของ Loose furniture
- อาจไม่เข้ากับพื้นที่: บางครั้งอาจไม่พอดีกับขนาดห้อง โดยเฉพาะในกรณีของห้องที่มีรูปทรงแปลกหรือพื้นที่จำกัด อาจทำให้เกิดพื้นที่ว่างที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ หรือในทางกลับกันอาจทำให้ห้องดูแน่นเกินไปหากเลือกขนาดเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่เกินไป
- ต้องดูแลรักษามากกว่า: เสี่ยงต่อการเสียหายจากการเคลื่อนย้าย เช่น รอยขีดข่วนบนพื้นไม้ หรือการกระแทกทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหาย นอกจากนี้ยังต้องทำความสะอาดใต้และด้านหลังเฟอร์นิเจอร์บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก
- พื้นที่เก็บของอาจจำกัด: ไม่สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของพื้นที่เก็บของ เช่น ตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางของ ซึ่งมักจะมีขนาดจำกัดและไม่สามารถใช้พื้นที่จากพื้นถึงเพดานได้อย่างเต็มที่
Built furniture คืออะไร?
Built furniture หรือเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน คือเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อติดตั้งถาวรกับโครงสร้างของบ้าน ออกแบบมาเฉพาะสำหรับพื้นที่นั้นๆ ตัวอย่างเช่น ตู้ติดผนัง ชั้นวางของแบบฝัง เคาน์เตอร์ครัว ตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อิน เตียงพร้อมชั้นวางของด้านบน เป็นต้น
ข้อดีของ Built furniture
- ประหยัดพื้นที่: ออกแบบให้เข้ากับพื้นที่ได้อย่างลงตัว สามารถใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในห้องที่มีรูปทรงแปลกหรือมีมุมที่ยากต่อการจัดวาง เช่น ใต้บันได หรือมุมเพดานลาดเอียง ทำให้ไม่เสียพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์
- สวยงามเป็นเอกลักษณ์: สามารถออกแบบให้เข้ากับสไตล์บ้านได้อย่างกลมกลืน ทั้งในแง่ของวัสดุ สี และรูปแบบ ทำให้บ้านดูเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหลัง และสามารถสร้างจุดเด่นหรือ focal point ในห้องได้อย่างน่าสนใจ
- เพิ่มมูลค่าให้บ้าน: ช่วยเพิ่มราคาบ้านเมื่อต้องการขาย เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินถือเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน และมักจะมีคุณภาพสูงกว่าเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ทำให้บ้านดูมีคุณค่าและน่าสนใจมากขึ้นในสายตาผู้ซื้อ
- ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ: สามารถใช้พื้นที่ทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะในเรื่องของพื้นที่เก็บของ เช่น สามารถสร้างตู้เก็บของจากพื้นถึงเพดาน หรือใช้พื้นที่ใต้บันไดให้เป็นชั้นวางหนังสือได้อย่างลงตัว ทำให้บ้านดูเป็นระเบียบและกว้างขวางมากขึ้น
ข้อเสียของ Built furniture
- ไม่ยืดหยุ่น: ยากต่อการเปลี่ยนแปลงหรือย้าย เมื่อติดตั้งแล้วจะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ยาก หากต้องการปรับเปลี่ยนในอนาคต อาจต้องรื้อและสร้างใหม่ทั้งหมด ซึ่งใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง
- ราคาสูงกว่า: ต้องจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและติดตั้ง ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซื้อเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้มักจะมีคุณภาพสูงเพื่อความคงทนถาวร ซึ่งส่งผลให้ราคาสูงขึ้นไปอีก
- ใช้เวลานาน: ต้องรอการออกแบบและติดตั้ง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงาน ทำให้ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานเฟอร์นิเจอร์อย่างเร่งด่วน
- ไม่สามารถนำไปด้วยได้: เมื่อย้ายบ้านต้องทิ้งไว้ ทำให้สูญเสียการลงทุนหากต้องย้ายที่อยู่บ่อย นอกจากนี้ หากผู้ซื้อบ้านใหม่ไม่ชอบสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินที่มีอยู่ อาจเป็นข้อเสียในการขายบ้านได้